สมเดช ยนตรกิจ


ผู้มีส่วนร่วมกับโครงการวิกิมีเดีย

Article Images

สมเดช ยนตรกิจ

สมเดช ยนตรกิจ หรือ สำรวย ธานี (เกิดเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2474 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เสียชีวิตวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก)[1][2] สถิติการชก 18 ครั้ง ชนะ 24 (น็อค 12) เสมอ 1 แพ้ 5

สมเดช ยนตรกิจ

เกิดสำรวย ธานี
2 มิถุนายน พ.ศ. 2474

สมเดชหัดมวยครั้งแรกกับครูกู้ ควรตั้ง และครูผวน กาญจนากาศ จากนั้นเข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ โดยมาอยู่ที่ค่ายสมานฉันท์ของครูฉันท์ สมิทเวช ในชื่อสมเดช สมานฉันท์ ขึ้นชกครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2491 ชนะน็อค ทวี นฤภัย ยกแรก และชกคู่ชกแพ้น็อคอีกหลายคน จนกระทั่งน็อกไพศาล พระขรรค์ชัยไม่ได้ จึงถูกแฟนมวยในยุคนั้นวิจารณ์ว่าหมัดไม่หนักจริง สมเดชจึงย้ายไปอยู่ค่ายยนตรกิจของครูตันกี้ ยนตรกิจ ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการฝึกมวยหมัด

เมื่อย้ายค่ายแล้ว สมเดชขึ้นชกชนะน็อคคู่ชกด้วยหมัดอีกหลายครั้ง จนได้รับคัดเลือกเข้าชกในมวยรอบรุ่น 7 สิงห์ทอง ซึ่งสมเดชคว้าแชมป์มาครองได้ การชกที่สร้างชื่อเสียงให้สมเดชมากที่สุดคือ ชนะน็อค ประยุทธ์ อุดมศักดิ์ ยก 2

เมื่อชกมวยไทย ชนะคู่ชกด้วยหมัดหลายครั้ง ผู้สนับสนุนจึงให้สมเดชหันมาชกมวยสากลดูบ้าง ขึ้นชกครั้งแรก ชนะน็อค ถวัลย์ วงศ์เทเวศร์ ยก 2 ต่อมาจึงได้ชิงแชมป์ OPBF รุ่นเวลเตอร์เวทที่ว่าง ชนะคะแนน ฮาชิโร ทัตสุมิ ที่เวทีราชดำเนินอย่างพลิกความคาดหมายเพราะตอนนั้นสมเดชชกมวยสากลมาเพียงสามครั้งเท่านั้น ฝ่ายทัตสุมิข้องใจ ดึงสมเดชไปชกแก้มือที่ญี่ปุ่น สมเดชก็เป็นฝ่ายชนะคะแนนได้อีก

สมเดชไปชกป้องกันแชมป์ OPBF ที่ญี่ปุ่นอีก 2 ครั้ง จึงได้ขึ้นชกกับ วอลลี่ ทอม รองแชมป์โลกเพื่อหวังเข้าอันดับโลก แต่แพ้คะแนนไปขาดลอย จนทัตสุมิได้ครองแชมป์ OPBF รุ่นมิดเดิลเวท และติดต่อสมเดชไปชิงแชมป์ด้วย คราวนี้สมเดชเป็นฝ่ายชนะน็อค ได้ครองแชมป์ OPBF พร้อมกันสองรุ่น จากนั้นจึงสละแชมป์รุ่นมิดเดิลเวทไป เหลือแชมป์รุ่นเวลเตอร์เวทรุ่นเดียว สมเดชยังชกชนะอย่างต่อเนื่อง จึงได้ชกกับยอร์จ บาร์น รองแชมป์โลกเพื่อลุ้นเข้าอันดับโลกอีกครั้ง แต่สำเร็จอีกคราวนี้สมเดชเป็นฝ่ายแพ้น็อคในยกที่ 9 แบบหมดทางสู้

หลังจากนั้น การชกของสมเดชเริ่มตกต่ำลง จนเสียแชมป์ให้กับนักมวยญี่ปุ่น กลับมาเมืองไทย ขึ้นชกมวยสากลกับสามารถ ศรแดง ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนน สมเดชหยุดชกไปหลายเดือน จึงขึ้นชกมวยไทยกับดาวทอง สิงหพัลลภ แต่ก็แพ้น็อคในยกที่ 2 อีก หลังจากนั้นไม่นาน สมเดชเป็นหนองในขั้วตับจึงแขวนนวม ก่อนที่จะเป็นทหาร ติดยศสิบโทในเวลาต่อมา[1] ต่อมาได้ลาออกจากทหาร ไปประกอบอาชีพอีกหลายอย่างทั้ง คนส่งของ ทำงานในสายการบิน และหน่วยรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

สมเดชสมรสกับ สมนึก ธานี เมื่อเขามีอายุได้ 21 ปี และมีลูก 3 คน ครั้งหนึ่งลูกหลานของเขาได้ชักชวนให้ไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่เขาได้ปฏิเสธโดยประสงค์ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่ประเทศไทยแทน และมีการออกงานสังคมในบางครั้งโดยเฉพาะกับมูลนิธินักมวยเก่า ช่วงปลายชีวิตเริ่มมีอาการเจ็บป่วยก่อนที่จะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ก่อนที่จะเสียชีวิตอย่างสงบในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 [2]

ก่อนหน้า สมเดช ยนตรกิจ ถัดไป ชนะ 18 ครั้ง (ชนะน็อค 12 ครั้ง, ชนะคะแนน 6 ครั้ง), แพ้ 5 ครั้ง (แพ้น็อค 2 ครั้ง, แพ้คะแนน 3 ครั้ง) เสมอ 1 ครั้ง[3]
แชมป์ OPBF รุ่นเวลเตอร์เวท (2496-2500)
ชิง ชนะ 47-15-5   ฮาชิโร ทัตสุมิ ชนะคะแนน 15 1953-01-04   สนามมวยราชดำเนิน, เขตพระนคร ขึ้นชกมวยสากลครั้งแรก.
ป้องกันครั้งที่ 1 ชนะ 48-18-5   ฮาชิโร ทัตสุมิ ชนะคะแนน 15 1953-09-15 ( ) [[]] โตเกียว
ป้องกันครั้งที่ 2 ชนะ 4-2-1   โทนี่ อัลคีเกอร์ ชนะน็อค (5) 15 1954-06-29 ( )
ป้องกันครั้งที่ 3 ชนะ 10-7-0   เทรุโอะ โอนูกิ ชนะน็อค (3) 15 1954-08-13 ( ) โอซากาพูล โอซากา
ป้องกันครั้งที่ 4 ชนะ 20-7-5   ทาเคโอะ ยูโกะ ชนะน็อค (6) 15 1954-09-10 ( ) โตเกียว
ป้องกันครั้งที่ 5 ชนะ 20-7-5   สตาร์ มัตนอก ชนะน็อค (2) 15 1955-07-31 ( ) โตเกียว
ป้องกันครั้งที่ 6 ชนะ 1-2-0   ญัง เพาลิโน ชนะคะแนน 15 1955-12-03 ( ) มะนิลา
ป้องกันครั้งที่ 7 ชนะ 24-23-3   เทรุโอะ มัตสุยาม่า ชนะน็อค (6) 15 1956-02-01, ( )
ป้องกันครั้งที่ 8 แม่แบบ:Draw2เสมอ, 24-23-3   จิโร ซาวาด้า เสมอกับ 15 1957-07-15, ( ) โตเกียว
เสียแชมป์ แม่แบบ:Loss2 แพ้ 31-7-3   เคนจิ ฟูกูจิ แพ้คะแนน 15 1957-11-20, ( ) โตเกียว
แชมป์ OPBF รุ่นมิดเดิลเวท (2498)
ชิง ชนะ 55-19-5   ฮาชิโร ทัตสุมิ ชนะน็อค 11 (15) 1953-04-20   โตเกียว
30 เมษายน พ.ศ. 2498 สละแชมป์ภาคฯรุ่นมิดเดิลเวท
  1. 1.0 1.1 วงการมวยไทยเศร้าสมเดชเสียชีวิตด้วยโรคชรา
  2. 2.0 2.1 ปิดตำนาน. มวยสยามรายวัน. ปีที่ 19 ฉบับที่ 6641. วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554. หน้า 28
  3. สถิติการชก
  • ชายพจน์. มวยดังไทยแลนด์ในอดีต: สมเดช ยนตรกิจ “ซ้ายฟ้าผ่า” แชมป์ OPBF 2 รุ่นในสมัยเดียวกัน!. นิตยสารมวยโลก. ฉบับที่ 841 ตุลาคม 2543 หน้า 42-45